นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการจัดเตรียมเตียง ICU และบุคลากรทางการแพทย์ของกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นว่า จากสถานการณ์ที่มีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นจำนวนมากในแต่ละวัน กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการแพทย์ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมสร้าง ICU เพิ่มเติมโดยเร่งด่วน พร้อมเตรียมบุคลากรทางการแพทย์และเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงหมุนเวียนปรับโยกย้ายผู้ป่วยตามอาการ ตลอดจนปรับหอผู้ป่วยเตียงรวมที่ไม่มีห้องแยก (cohort COVID-ICU) เพื่อความเหมาะสม นอกจากนี้ ยังได้ประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในการบริหารจัดการเตียง ICU เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการหนัก ซึ่งศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร หรือศูนย์เอราวัณ จะเป็นหน่วยบริหารจัดการเตียงผู้ป่วยโควิด-19 และการจัดสรรเตียงในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้ผู้ป่วยตามระดับความรุนแรงของโรค พร้อมบริหารรถนำส่งผู้ป่วย ซึ่งเป็นเครือข่ายบริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยคัดแยกผู้ป่วยตามระดับอาการ ดังนี้ (1) “ผู้ป่วยสีเขียว” คือ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย เช่น มีประวัติไข้ หรือวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 37.5 องศาฯ ขึ้นไป ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง ผื่น ถ่ายเหลว (2) “ผู้ป่วยสีเหลือง” คือ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง เริ่มมีอาการหายใจเร็ว หายใจเหนื่อย หรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง หรือมีโรคร่วมสำคัญข้อใดข้อหนึ่ง ได้แก่ อายุมากกว่า 60 ปี โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (รวมโรคปอดเรื้อรังอื่นๆ) โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด (รวมโรคหัวใจแต่กำเนิด) โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ ภาวะอ้วน (น้ำหนักมากกว่า 90 กิโลกรัม) ตับแข็ง และภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ (wbc < 1,000 cell/mm3) และ (3) “ผู้ป่วยสีแดง” คือ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการหอบเหนื่อยเวลาเดิน หายใจลำบาก พบปอดอักเสบ มีภาวะปอดบวม (ความอิ่มตัวของเลือด < 96%) หรือความอิ่มตัวของเลือดลดลง > 3% หลังออกแรง ทั้งนี้เมื่อประเมินอาการผู้ป่วยแล้วจะนำส่งไปยังสถานพยาบาลต่อไป โดยการรับ-ส่งผู้ป่วยในแต่ละวันจะดำเนินการตั้งแต่เวลา 08.00 – 20.00 น. หากผู้ป่วยตกค้าง หรือรอคิวเป็นเวลานานสามารถประสานแจ้งข้อมูลได้ที่หมายเลขสายด่วนกรมการแพทย์ 1668 สายด่วน 1330 ศูนย์เอราวัณ กทม. โทร. 1669 และสามารถแจ้งข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน Line @sabaideebot ได้อีกช่องทางหนึ่ง
สำหรับผู้ติดเชื้อที่ได้รับการประสานงานแจ้งสถานพยาบาลที่รับการรักษาแล้วและประสงค์เดินทางไปรับการรักษาด้วยรถยนต์ส่วนตัวเพื่อความสะดวกรวดเร็ว ให้แจ้งศูนย์เอราวัณ กทม.สายด่วน 1669 เพื่อประสานสถานพยาบาลให้รับทราบล่วงหน้า โดยผู้ป่วยต้องเตรียมเอกสารผล LAB ยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ให้พร้อม และหากมีผู้ขับรถให้ควรมีฉากกั้นระหว่างคนขับและผู้ติดเชื้อ เพื่อให้มีระยะห่างระหว่างกันให้มากที่สุด ใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น ทั้งคนขับและผู้ติดเชื้อ เปิดกระจกและปิดเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ คนขับและผู้ติดเชื้อให้นั่งทแยงมุมคนละฝั่งและสำรวจเส้นทางก่อนออกเดินทาง โดยใช้เวลาในการเดินทางไม่เกิน 30 นาที เมื่อเดินทางมาถึงจุดที่กำหนดให้นั่งคอยในรถ จากนั้นให้โทรประสานเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้ารับการรักษาต่อไป