กรมการพัฒนาชุมชน ร่วมกับสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และการประปาส่วนภูมิภาค ประกาศเจตจำนงร่วมกันรณรงค์ให้พี่น้องคนไทย ร่วมกัน “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ด้วยการสวมใส่ผ้าไทยทุกวัน สร้างเอกลักษณ์ไทย และหนุนเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้ยั่งยืน
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เผยว่า “ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระปรีชาชาญ พระวิริยะ พระอุตสาหะ ในการรื้อฟื้นผ้าทอไทย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทย ส่งเสริมให้การทอผ้าเป็นอาชีพของชาวบ้านให้ชาวบ้านมีอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ที่ว่างเว้นจากการทำไร่ทำนาในอดีต โดยปัจจุบันผ้าไทยได้รับความนิยมจากทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ร่วมสวมใส่ผ้าไทย จนกระทั่งผ้าไทยได้รับเสียงชื่นชมในความเป็นไทย อนุรักษ์ภูมิปัญญาผ้าไทยของคนท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด ที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง มีความสวยงาม มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ทำให้การทอผ้ากลายเป็นอาชีพหลักของกลุ่มสตรีในหลายจังหวัด ดังนั้น เพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ในการอนุรักษ์ ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทยศิลปะอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงคงอยู่ปรากฏเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย
วันที่ 5 มีนาคม 2563 กรมฯ จึงได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน กับ สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และการประปาส่วนภูมิภาค โดยมี ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ดร.นพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมลงนามฯ และมีนายบำรุงศักดิ์ ฉิ่งวังตะกอ รองผู้ว่าการ (บริหาร) การประปาส่วนภูมิภาค นางรชตภร โตดิลกเวชช์ ประธานคณะกรรมการบริหารสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และนางสาวนันทนา หวังธงชัยเจริญ ผู้ตรวจราชการกรม ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องโถง การประปาส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
ดร.นพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค กล่าวว่า การอนุรักษ์ ส่งเสริม ศิลปะผ้าไทย เพื่อสืบสานพระราชปณิธาณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อันเป็นสมบัติ วัฒนธรรมที่ล้ำค่าของประเทศ และด้วยพื้นที่การให้บริการของการประปาส่วนภูมิภาค ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ การรณรงค์ให้ผู้บริหาร และพนักงานทั่วประเทศ สวมใส่ผ้าไทย อีกทั้งจะได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้น้ำได้เห็นถึงความสวยงามของผ้าไทย และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม ที่จะรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความภาคภูมิใจของคนไทยให้คงอยู่ต่อไป รวมถึงการร่วมมือครั้งนี้ จะนำไปสู่การส่งเสริมการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ให้แก่กลุ่มสตรี และพี่น้องประชาชนในส่วนภูมิภาคอีกด้วย
นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าว ในนามของกรมการพัฒนาชุมชน รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความร่วมมือจากการประปาส่วนภูมิภาค และสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ในการร่วมกันสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน ครั้งนี้ ซึ่งเป็นการรวมพลังการสืบสาน อนุรักษ์ผ้าไทย ที่เป็นภูมิปัญญาคนไทย และรณรงค์การแต่งกายด้วยผ้าไทย และผ้าพื้นเมืองให้เกิดผลเป็นรูปธรรม อันจะนำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ และเสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน
ดร.วันดี กุลชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวว่า สภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ดำเนินโครงการตามรอยผ้าไทย ลมหายใจแม่ของแผ่นดิน เป็นโครงการแรก ซึ่งเราได้เดินทางไปศึกษาดูภูมิปัญญาผ้าไทยในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ก็ทำให้รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มากยิ่งขึ้นสุดหัวใจ มีความรู้สึกว่าท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ กับองค์กรสตรีไทย ของประเทศ ไม่รู้จะทดแทนได้อย่างไร จึงเป็นที่มาของการดำเนินงานโครงการ สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทยดำรงไว้ในแผ่นดิน ซึ่งได้มีพิธีลงนามฯ แล้วกว่า 70 จังหวัดทั่วประเทศ และ “ผ้าไทย” ถือเป็นเครื่องนุ่งหุ่มในปัจจัยสี่ ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และผ้าทอแต่ละผืนล้วนแล้วแต่มีความงดงาม เป็นผ้าทอที่มีมูลค่า สวมใส่ในโอกาสสำคัญ โดยปัจจุบันผ้าทอไทยได้รับความนิยมจากทั้งคนไทยและคนต่างชาติ และหลายครอบครัวมีการทอผ้าเป็นอาชีพหลัก ประกอบกับการออกแบบที่ทันสมัย ผ้าทอไทย จึงสามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส อีกทั้งการร่วมมือกันรณรงค์สวมใส่ผ้าไทยทุกวัน และหากทุกคนหันมาสวมใส่ผ้าไทยกันทุกคน จะทำให้เกิดการซื้อผ้าเพิ่มอย่างน้อยคนละ 10 เมตร หากสตรี 35 ล้านคน ใส่ผ้าไทยคนละ 10 เมตร รวม 350 ล้านเมตร เมตรละ 300 บาท เราจะช่วยให้เกิดเงินหมุนเวียนทันที 1 แสนล้านบาท มีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง และยังรักษาภูมิปัญญาเอกลักษณ์ วัฒนธรรมของไทยไว้ ลูกหลานก็จะมีงานทำ จึงอยากขอเชิญชวนให้ทุกท่านร่วมกันสวมใส่ผ้าไทย เพราะเงินทุกบาทจะช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และอยากให้การลงนามครั้งนี้ เป็นการลงนามที่มาจากใจของทุกท่าน และขอให้ทุกท่านเริ่มด้วยหัวใจ เริ่มจากคนใกล้ชิด เริ่มที่ตัวเรา สวมใส่ผ้าไทยเป็นประจำทุกวัน”
นอกจากนี้ การประปาส่วนภูมิภาค ได้เปิดพื้นที่ให้ประชาชนที่มาใช้บริการ และเจ้าหน้าที่ของการประปาส่วนภูมิภาค ได้เลือกช้อปผ้าไทยขึ้นชื่อจากหลากหลายจังหวัด อาทิ ผลิตภัณฑ์ผ้าขวัญตา จ.หนองบัวลำภู ผ้าไหมแพรวา จ.กาฬสินธุ์ ผ้าย้อมสีธรรมชาติ จ.อุดรธานี ผ้าทอ จ.น่าน ผ้าไหม จ.นครราชสีมา และผ้าลายอย่างอโยธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น รวมทั้ง ยังได้นำ OTOP ชวนชิมสุดยอดของดีจังหวัด มาเสิร์ฟความอร่อย อาทิ ข้าวแกงชาวเล จ.ระยอง ครัวทะเลแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม อู๊ดไก่บ้านย่างเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ข้าวมันไก่พนัส จ.ชลบุรี ปาท่องโก๋ จ.นนทบุรี ขนมไทยแม่แฉล้ม จ.พระนครศรีอยุธยา คลองท่อมค๊อฟฟี่ จ.กระบี่ ลอดช่องสยาม จ.สมุทรสาคร กระเพาะปลายอดมะพร้าว จ.นนทบุรี เป็นต้น อันจะช่วยทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน สร้างความเข้มแข็งแก่ครอบครัวและชุมชน
“มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกระจายรายได้สู่ชุมชน โดยการเลือกชมเลือกซื้อผ้าถิ่นไทยอันงดงามซึ่งเป็นเอกลักษณ์ความภาคภูมิใจของคนไทย และเลือกชิมอาหาร OTOP สุดยอดของแต่ละจังหวัด ระหว่างวันที่ 5 – 6 มีนาคม 2563 เวลา 08.00 – 17.00 น. ณ ห้องโถง การประปาส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวเชิญชวน