วันที่ 5 มีนาคม 2563 นายโชคชัย แก้วป่อง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน บรรยายพิเศษ เรื่อง “การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม” ในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารกองทุนเพื่อเกษตรกรและแหล่งสินเชื่อภาครัฐเพื่อการเข้าถึงแหล่งทุน กิจกรรมหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากด้วยทุนชุมชน ด้วยกิจกรรมย่อยประชุมเชิงปฏิบัติการเตรียมความพร้อมบุคลากรด้านการพัฒนากองทุนชุมชน เพื่อให้ทั้งเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอทั้ง 76 จังหวัด รวม 228 คน มีความพร้อมขับเคลื่อนกองทุนชุมชนอย่างมั่นใจและถูกกฎระเบียบ ตามหลักธรรมาภิบาล ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 3 – 6 มีนาคม 2563 ณ โรงแรมไมด้า ดอนเมือง แอร์พอร์ต ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
รองอธิบดี กล่าวว่า ความเหลื่อมล้ำ คือ ความไม่เท่าเทียมกันในทุกด้าน ทั้งด้านสังคม และด้านเศรษฐกิจที่เป็นเรื่องสำคัญ เกิดเป็นห่วงโซ่ปัญหา นำมาสู่ปัญหาระดับชาติ คือ “ปัญหาความยากจน” การพัฒนาทุนชุมชน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก สามารถใช้ทุนชุมชนมาช่วยขจัดความเหลื่อมล้ำทางสังคมของไทยได้ ด้วยกลไกการบริหารโครงการ การบริหารสัญญา และการบริหารหนี้ จึงเกิดทีม Move for fund ที่เปรียบเสมือนหมอไปช่วยรักษาสุขภาพของกองทุนชุมชน โดยจะเริ่มจากวินิจฉัยว่าป่วยเป็นอะไร หรือต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรงในด้านไหน แล้วต้องรักษาอย่างไร บอกและแนะนำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้กองทุนโดยชุมชน สามารถขับเคลื่อนต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านกลไกของการบริหารจัดการหนี้ ต้องช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเรื่องหนี้มีเงินทุน นำไปสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง และที่สำคัญต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย หาช่องทางเพิ่มรายได้ และต้องส่งเสริมให้มีการออม ด้านการรวมกลุ่มเพื่อสร้างสวัสดิการชุมชนก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้เกิดความผูกพัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปัน ดูแลซึ่งกันและกัน เกิดความสามัคคีในชุมชน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากการมีธุรกิจชุมชน ร่วมกันคิด ร่วมกันทำกิจการที่สามารถเกิดการซื้อขายกันในชุมชนได้ จึงต้องเกิดจากการมีกองทุนชุมชนที่เข้มแข็ง
อีกหนึ่งแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ปัจจุบันกรมการพัฒนาชุมชน เดินหน้าขับเคลื่อนงานตามศาสตร์พระราชา ในรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล ซึ่งเป็นเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยการสร้างศูนย์เรียนรู้ เพื่อถ่ายทอดตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ ทำให้สามารถบริหารจัดการที่ดิน หรือทุนที่มีของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้ชีวิตของตนเองมีความพออยู่ พอกิน พอร่มเย็น พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โครงการนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาความเศรษฐกิจได้ทั้งในระดับครัวเรือนและระดับประเทศได้อย่างมีความมั่นคง