แคนนอน เสริมทัพ EOS C500 Mark II ผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Cinema EOS System พร้อมรุกตลาดกล้องถ่ายภาพยนตร์ฟูลเฟรม ระดับมืออาชีพ

แคนนอน เผยโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Cinema EOS System เพื่อการถ่ายภาพยนตร์ระบบดิจิทัลระดับมืออาชีพ ด้วย EOS C500 Mark II กล้องถ่ายภาพยนตร์ดิจิทัลขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ฟูลเฟรม 5.9K และระบบประมวลผลภาพใหม่ล่าสุด ตัวกล้องได้รับการออกแบบให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่ายตามความต้องการในการถ่ายทำ จึงใช้สร้างสรรค์งานได้หลายรูปแบบทั้งภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ที่ต้องการคุณภาพสูง รวมถึงรายงานข่าวและสารคดีที่ต้องอาศัยความคล่องตัวในการถ่ายทำ

Advertisement

EOS C500 Mark II มาพร้อมหลากหลายฟีเจอร์ปรับปรุงใหม่เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการถ่ายทำ เช่น บันทึกภาพในฟอร์แมต Cinema RAW Light ได้ในตัวกล้อง ซึ่งช่วยให้ไฟล์มีขนาดเล็กลงแต่นำไปปรับแต่งใช้งานได้หลากหลายเหมือนฟอร์แมต RAW ทั้งยังรองรับฟอร์แมต XF-AVC    ซึ่งบันทึกข้อมูลที่บีบอัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นกล้องวิดีโอแคนนอนรุ่นแรกที่สามารถบันทึกไฟล์ Cinema RAW Light และ XF-AVC

Intra ลงในการ์ด CFexpress Type B[1] ได้เลย ตอกย้ำจุดเด่นด้านเทคโนโลยีของ Cinema EOS System ที่ให้ทั้งประสิทธิภาพสูงสุดในการสร้างสรรค์ชิ้นงานได้เต็มประสิทธิภาพและยังคงสามารถใช้งานได้อย่างอิสระ และคล่องตัว นอกจากนี้ EOS C500 Mark II รองรับ HDR Standard ได้แก่ HLG (Hybrid Log-Gamma) ที่เหมาะสำหรับการบรอดแคสท์ และ PQ (Perceptual Quantization) เพื่อการถ่ายภาพยนตร์สำหรับฉายในโรงภาพยนตร์และการเผยแพร่ในช่องทางออนไลน์ที่ต้องการเน้นเรื่องคุณภาพของงานวิดีโอ ซึ่งได้รับการยอมรับให้เป็นกล้องสำหรับถ่ายทำตามมาตรฐานของ Netflix อีกด้วย

กล้องรุ่นนี้ใช้เซ็นเซอร์ฟูลเฟรมความละเอียด 5.9K ในอัตราส่วนภาพ 17:9 เพื่องานภาพยนตร์โดยเฉพาะ ให้ไดนามิกเรนจ์ได้ถึง 15+ สต็อป[2] จึงใช้สร้างสรรค์งานภาพได้หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งมีระบบประมวลผลภาพความเร็วสูงใหม่ล่าสุด DIGIC DV 7 สำหรับการถ่ายทำคุณภาพสูงระดับ 4K ที่ 50p / 60p สามารถบันทึกภาพในฟอร์แมต XF-AVC Intra ที่มีคุณภาพสูงและนำไปปรับแต่งได้ง่าย

 และด้วยตัวกล้องที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดกว่ารุ่นก่อนหน้า (EOS C500) จึงเหมาะสำหรับการประกอบเข้ากับอุปกรณ์ช่วยในการถ่ายทำต่างๆ อีกมากมาย อาทิ ไม่ว่าจะเป็นช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ กริปกล้อง และส่วนต่อเสริมต่างๆ ผู้ใช้ยังสามารถเปลี่ยนเมาท์เลนส์จาก EF เป็นเมาท์ EF Cinema lock หรือเมาท์ PL ด้วยตัวเองโดยใช้ชุดเปลี่ยนเมาท์ (จำหน่ายแยกต่างหาก) ตัวกล้องรองรับการใช้งานร่วมกับ Expansion Unit (จำหน่ายแยกต่างหาก) ทำให้กล้องสามารถรองรับการถ่ายทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทำที่มีผู้ควบคุมเพียงคนเดียว การใช้กล้องหลายตัว การใช้กล้องกับแกนยึดกันสั่น (gimbal) หรือโดรน ไปจนถึงการถ่ายภาพยนตร์อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงพร้อมตอบสนองรูปแบบการถ่ายทำในอนาคต

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ได้แก่ ระบบป้องกันภาพสั่นไหวสำหรับวิดีโอ (Video IS) บันทึกเสียงได้ 4 Channel จอแอลซีดีระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 4.3 นิ้วเพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น รวมถึงสามารถรองรับการถอดหรือใส่อุปกรณ์เสริมต่างๆ  นอกจากนี้จอ LCD ยังรองรับการถ่ายภาพแบบ HDR ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตั้งไดนามิกเรนจ์ได้ถึง 400% และ 1600% ยิ่งหากใช้ร่วมกับจอ LCD ที่มีความเที่ยงตรงสูงก็จะยิ่งให้ภาพที่สมจริงมากขึ้น EOS C500 Mark II ยังมีช่องต่อ 12G-SDI และ HDMI เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่อกับจอภาพหรืออุปกรณ์บันทึกภายนอกในสถานที่ถ่ายทำทั้งในสตูดิโอและนอกสถานที่

กล้องถ่ายภาพยนตร์ดิจิทัล EOS C500 Mark II มีวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ ในราคา 547,900 บาทที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแคนนอน สนใจสอบถามรายละเอียดเชิงลึกหรือทดสอบสินค้าเพิ่มเติม โปรดติดต่อ  02-344-9999 ต่อ 3338, 3218  หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.canon

คุณสมบัติเด่นของกล้อง Cinema EOS C500 Mark II

  • เซ็นเซอร์ CMOS ขนาด Full Frame ความละเอียด 9K, รองรับโหมด Super 35mm และ Super 16mm crop
  • ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเมาท์เลนส์ได้เอง ให้อิสระในการใช้เลนส์ที่หลากหลาย
  • ชิปประมวลภาพใหม่ล่าสุด DIGIC DV 7 เพื่อประสิทธิภาพในการประมวลข้อมูลภาพความละเอียดสูง
  • รองรับ Canon Cinema RAW Light และ XF-AVC
  • มี Proxy Recording
  • รองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ EF และ PL*
  • รองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ Anamorphic
  • ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์
  • ออกแบบโมดูลมาพร้อมกับ Expansion Units ให้เลือก 3 แบบ เพื่อการเชื่อมต่อระดับสูงและรองรับการทำงานที่หลากหลาย
  • สามารถใช้งานร่วมกับจอ LCD แบบทัชกรีน 4.3” (LM-V2: อุปกรณ์เสริมแยกจำหน่าย)
  • Dual Pixel CMOS AF รองรับการใช้งานทัชออโต้โฟกัส และออโต้โฟกัสตรวจจับใบหน้า
  • รองรับการใช้งาน Canon Log 2 และ 3
  • บันทึกเสียงได้ 4 Channel
  • รองรับ Custom User LUTs

1)การบันทึก Cinema RAW Light จำเป็นต้องใช้การ์ด CFexpress Type B เท่านั้น

2)ไดนามิกเรนจ์มีหน่วยวัดเป็นสต็อป เมื่อเพิ่มขึ้น 1 สต็อป หมายถึงช่วงความสว่างที่กล้องบันทึกได้จะเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว แต่ละโหมดการถ่ายภาพจะมีจำนวนสต็อปสูงสุดแตกต่างกัน

มีช่องต่อ 12G-SDI และ HDMI เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่อกับจอภาพหรืออุปกรณ์บันทึกภายนอกในสถานที่ถ่ายทำทั้งในสตูดิโอและนอกสถานที่